
โซล่าร์รูฟท็อป ระบบออฟกริด (Off Grid System)
เป็นระบบโซล่าร์เซลล์ที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับการไฟฟ้า จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า หรือไฟฟ้าเข้าไม่ถึง รวมทั้งอาจนำไปใช้กับในพื้นที่ที่ไม่ต้องการลากสายไฟฟ้าไปเพราะมีต้นทุนเรื่องสายไฟฟ้าที่มีราคาสูงได้อีกด้วย
โซล่าร์รูฟท็อป ระบบออนกริด (Off-Grid System) ทำงานอย่างไร ?
การทำงานของโซล่าร์รูฟท็อป ออฟกริด จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้ดังนี้
การทำงานโดยใช้ร่วมกับแบตเตอรี่
ซึ่งไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซล่าร์เซลล์จะถูกส่งผ่านคอนโทรลชาร์จ ที่ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่เมื่อแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำตามที่แต่ละยี่ห้อตั้งค่ามา และทำการตัดการจ่ายกระแสไฟเพื่อไปประจุยังแบตเตอรี่เมื่อแรงดันของแบตเตอรี่อยู่ในระดับที่สูงตามที่ได้กำหนด เพื่อป้องการการโอเวอร์ชาร์จ (Over charge) ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เกิดความเสียหายหรือเสื่อมอายุการใช้งานอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังป้องกันไม่ให้ไฟจากแบตเตอรี่ย้อนกลับไปยังตัวแผงโซล่าร์เซลล์ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้แผงโซล่าร์เซลล์เกิดความเสียหายอีกด้วย จากนั้นกระแสไฟฟ้าจะถูกส่งไปยังอินเวอร์เตอร์ โดยอินเวอร์เตอร์จะทำหน้าที่แปลงไฟฟ้าจากกระแสตรง (DC Current) ไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Current) จากนั้นจะกระแสไฟฟ้าจะถูกจ่ายเข้าสู่ตู้ควบคุมไฟฟ้าภายในอาคาร (MDB) ก่อนที่กระแสไฟจะถูกจ่ายไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ
การทำงานโดยไม่ใช้แบตเตอรี่
ระบบนี้จะทำการจ่ายไฟให้เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยตรง แต่เนื่องจากไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซล่าร์เป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC Current) ดังนั้นประเภทของเครื่องใช้ไฟฟ้าจึงต้องเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับไฟฟ้ากระแสตรง (DC Current) เท่านั้น หากต้องการที่จะใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปที่เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Current) จำเป็นต้องติดตั้งอินเวอร์เตอร์ เพื่อแปลงกระแสไฟฟ้าก่อนจ่ายให้เครื่องใช้ไฟฟ้า ในกรณีที่ฝนตกหรือมีเฆฆเคลื่อนผ่านแผงโซล่า จะทำให้แผงไม่สามารถจ่ายไฟได้อย่างต่อเนื่อง อาจจะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายได้ จึงทำให้ระบบดังกล่าวไม่ได้รับความนิยม
ข้อดีของระบบออฟกริด
- สามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพากระแสไฟจากการไฟฟ้า
- สามารถใช้ไฟฟ้าได้ในช่วงเวลากลางคืน หรือในยามฉุกเฉิน
ข้อเสียของระบบออฟกริด
- ต้นทุนการติดตั้งและค่าซ่อมบำรุงค่อนข้างสูง เนื่องจากมีอุปกรณ์เสริมในระบบมาก
- ในกรณีที่ไม่มีแดดหรือมีฝนตกต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน พลังงานสำรองที่สะสมไว้ในแบตเตอรี่อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งาน